กลุ่มโรคเรื้อรังความรู้ทางการแพทย์

พาหะไวรัสตับอักเสบ B, C เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นตับแข็งและมะเร็งตับได้ (Tensia)

พาหะไวรัสตับอักเสบ B, C (HBV, HCV) คือการมีไวรัสจะอยู่ในตับ ภูมิจะมาทำลายตับแบบเรื้อรัง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นตับแข็งและมะเร็งตับได้
.
⚠️ เวลาใช้คำว่าพาหะ (Carrier) ต้องระวัง เพราะพาหะจากโรคพันธุกรรม กับพาหะจากโรคติดเชื้อไม่เหมือนกัน
✅ โรคพันธุกรรม: พาหะมักหมายถึงมียีนผิดปกติ แต่ไม่เพียงพอต่อการแสดงโรค (แต่ไม่เสมอไป) แต่ถ่ายทอดไปยังลูกได้
✅ โรคติดเชื้อ: พาหะหมายถึงการมีเชื้อโรคอยู่ในร่าง ซึ่งเป็นได้หลายแบบ แต่ส่วนใหญ่มักจะหมายถึงการติดเชื้อเรื้อรัง มีการเปลี่ยนแปลงในร่าง แต่บางครั้งแค่ไม่แสดงอาการ
.
ในกรณีพาหะของไวรัสตับอักเสบ B และ C ก็จะหมายถึงมีไวรัสซ่อนอยู่ในเซลล์ตับ (Hepatocytes) ซึ่งจะมีทั้งช่วงไวรัสแบ่งตัว active มากๆ ซึ่งจะกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกัน (NK cell/CD8+ T cell) มาทำลายทั้งเซลล์ตับและไวรัส
.
การโดนทำลายเรื้อรัง ถ้าอยู่ในสภาพที่คุมได้ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเซลล์ตับสามารถงอกใหม่ได้ (Liver regeneration)
.
แต่ถ้าการทำลายรุนแรงเกินไป (ค่า viral load สูง, มีเอนไซม์ตับที่รั่วออกมาจากเซลล์เยอะเกิน) การฟื้นฟูจะไม่สมบูรณ์ มักหลงเหลือพังผืดไว้เยอะ ซึ่งระยะนี้ หากได้ยาต้านไวรัสมาลดจำนวนไวรัส จะดีขึ้นมาก
หากปล่อยแบบนี้ต่อไป ตับจะโดนทำลายไปเรื่อยๆ จนเต็มไปด้วยพังผืด กลายเป็นตับแข็งในที่สุด
.
ยิ่งถ้ามีปัจจัยเสริม เช่น ดื่มสุรา, ไขมันพอกตับจากเมตาบอลิซึ่ม (MAFLD) ยิ่งไปไวมาก
และเมื่อเป็นตับแข็งแล้ว มีโอกาสสูงที่จะมีเซลล์ที่ DNA โดนทำร้ายจนยีนที่เกี่ยวกับการแบ่งเซลล์เสียหาย เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งตับ (Hepatocellular carcinoma)
.
⚠️ ⚠️ จุดสำคัญที่สุดคือ ⚠️ ⚠️
ไวรัสตับอักเสบบี สามารถนำพันธุกรรมตัวเองแทรกไปยังเซลล์ตับได้ เลยทำให้มีโอกาสสูงที่จะเกิดมะเร็งตับได้ก่อนเลย โดยยังไม่มีอาการตับแข็งด้วยซ้ำ
.
📌 ดังนั้นใครเป็นพาหะแล้ว ควรตรวจติดตามกับแพทย์เสมอ เพื่อเช็กว่า เข้าสู่ระยะที่ภูมิคุ้มกันเริ่มตามทำลายไวรัสหรือยัง เพื่อรับยาต้านไวรัสหรือต้านภูมิบางชนิด และคอยตรวจคัดกรองมะเร็งตับ
และอย่าดูแลป้องกันเหตุทำร้ายตับ
อีกสองสาเหตุด้วยค่ะ
✅ ลดสุรา ถ้าเลี่ยงไม่ได้ และอยากดื่มประจำก็ขอน้อยกว่า 1-2 drink/วัน ส่วนดื่มแบบเป็นครั้งคราวบอกยาก ไม่ค่อยมีการศึกษามากพอ แต่ส่วนตัวคิดว่าถ้าเริ่มมีไขมันพอกตับแล้ว งดไปก่อนเถอะ
✅ ลดไขมันพอกตับ
(1) ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
▪️แบบ Aerobic ระดับปานกลาง อย่างน้อย 150 นาที/สัปดาห์ เฉลี่ยประมาณ 30 นาที/วัน ประมาณ 5 วัน ถ้าได้โดสนี้แล้ว ควรเพิ่มระยะเวลาเป็น 300-600 นาที/สัปดาห์ หรือเพิ่มความหนักขึ้นแต่เวลาเท่าเดิม
▪️แบบ Strength อย่างน้อย 2-3 ครั้ง/สัปดาห์
▪️จุดสำคัญที่สุดของการเริ่มต้น ไม่ใช่วิธีการที่ซับซ้อน ขุดตัวเองมาออกต่อเนื่อง ให้เป็นพฤติกรรมถาวรให้ได้ จนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตค่ะ
⚠️อย่าลืมประเมินศักยภาพตัวเอง ห้ามหักโหม ถ้าจะเพิ่มความหนักต้องค่อยๆ เพิ่ม ดื่มน้ำมากๆ มีวันพัก
(2) ควบคุมการกิน โดยเฉพาะขนมที่มีน้ำเชื่อม high fructose corn syrup กินได้แต่ต้องจำกัด ยิ่งคุณอ้วนแล้วต้องยิ่งจำกัด ถ้าคิดจะกินก็ต้องเพิ่มการเอาออก เพิ่มการออกกำลังกาย (จะตัด จะลด จะกินบ้าง ปัญหาโลกแตก ชั่งน้ำหนักเอาเอง)
▪️เพิ่มช่วงเว้นมื้ออาหาร (Fasting) ให้ยาวขึ้น เพราะเป็นช่วงที่เกิด lipophagy อย่างน้อยในขั้นแรก ลดของระหว่างมื้อให้ได้ก่อน กินให้จบในมื้อไป
▪️ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอค่ะ เราไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นในร่างกายเราแล้วบ้าง ส่วนใหญ่ไขมันพอกตับมักจะมีภาวะร่วม เช่น อ้วน, ดื้ออินซูลินจนน้ำตาลเริ่มสูง
 
ทุกบทความไม่ได้เขียนโดยเพจนี้ เพียงคัดเลือกจากบทความที่น่าสนใจของเพจต่างๆที่น่าเชื่อถือ
ที่ผู้เขียนเป็นแพทย์ หรือผู้ที่อยู่ในแวดวงวิชาการที่มีเครดิตสูง สามารถติดตามต้นฉบับโดยคลิ๊กที่ลิ้งค์ด้านล่าง
เพื่อ Follow FB Page เพื่อได้เห็นบทความใหม่ๆได้เลยครับ